เทคนิค การซีลอาหารแห้ง ให้เก็บได้นานเป็นปี

การถนอมอาหารด้วยการซีลสูญญากาศเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่วยยืดอายุอาหารได้นานกว่าเดิมหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด อาหารแห้ง หรือแม้แต่อาหารแปรรูปต่างๆ การซีลที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปทำให้อาหารเสื่อมสภาพเร็วเกินไป บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเทคนิคการซีลอาหารแห้งให้เก็บได้นานเป็นปี เพื่อให้คุณใช้วัตถุดิบได้อย่างคุ้มค่า ลดขยะอาหาร และประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
ประเด็นสำคัญ
- การเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก่อนซีลเป็นสิ่งสำคัญ เริ่มจากการเลือกของสดใหม่ ทำความสะอาด และแบ่งเป็นสัดส่วนที่เหมาะสม
- อาหารแห้งหลายประเภท เช่น ธัญพืช พืชตระกูลถั่ว ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ ชา กาแฟ และอาหารผง เหมาะสำหรับการซีลสูญญากาศเพื่อยืดอายุ
- การเลือกเครื่องซีลและถุงซีลที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการตรวจสอบความแน่นหนาหลังซีล จะช่วยให้การเก็บรักษาอาหารมีประสิทธิภาพ
- การซีลสูญญากาศช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหารแห้งได้นานขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อเทียบกับการเก็บแบบปกติ โดยมีปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อระยะเวลา
- การจัดเก็บอาหารที่ซีลแล้วในที่เหมาะสม ป้องกันแสงแดดและความชื้น จะช่วยรักษาคุณภาพและยืดอายุการเก็บรักษาได้ดียิ่งขึ้น
การเตรียมวัตถุดิบเพื่อการซีลอาหารแห้ง
ก่อนที่เราจะเริ่มกระบวนการซีลอาหารแห้งด้วยเครื่องสุญญากาศ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมและเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารจะคงคุณภาพและเก็บรักษาได้นานที่สุดตามที่เราต้องการ การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
หัวใจของการถนอมอาหารคือการเริ่มต้นจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดเสมอ เลือกผัก ผลไม้ ธัญพืช หรือส่วนประกอบอื่นๆ ที่ดูสดใหม่ ไม่มีร่องรอยของความเสียหาย การเน่าเสีย หรือการปนเปื้อนจากแมลงหรือเชื้อรา หากเป็นไปได้ ควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และสังเกตลักษณะภายนอกให้ดี เช่น สี กลิ่น เนื้อสัมผัส หากวัตถุดิบมีคุณภาพต่ำตั้งแต่แรก ต่อให้เรามีเทคนิคการซีลที่ดีเพียงใด ก็ไม่สามารถยืดอายุหรือคงคุณภาพของอาหารนั้นๆ ได้อย่างแท้จริง
ขั้นตอนต่อไปคือการทำความสะอาดวัตถุดิบให้หมดจด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นผักหรือผลไม้ ควรล้างให้สะอาดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและสารเคมีตกค้าง จากนั้น สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการ กำจัดความชื้น ออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ความชื้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของการเก็บรักษาอาหารแห้ง เพราะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อราและแบคทีเรีย สามารถใช้ผ้าสะอาด หรือกระดาษทิชชู่สำหรับอาหารโดยเฉพาะ ซับน้ำออกจากวัตถุดิบให้แห้งสนิทก่อนนำไปซีล หากเป็นอาหารประเภทผง หรือธัญพืช ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีความชื้นแฝงอยู่เลย
การแบ่งอาหารออกเป็นสัดส่วนที่พอเหมาะกับการบริโภคในแต่ละครั้ง จะช่วยให้เราสะดวกในการนำออกมาใช้ และยังช่วยรักษาคุณภาพของอาหารที่เหลืออยู่ได้ดียิ่งขึ้น ลองพิจารณาว่าปกติแล้วเราบริโภคอาหารชนิดนั้นๆ ในปริมาณเท่าใด แล้วแบ่งบรรจุลงในถุงซีลตามสัดส่วนนั้นๆ การทำเช่นนี้จะช่วยลดการเปิด-ปิดถุงซีลบ่อยครั้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดการสัมผัสกับอากาศภายนอก และส่งผลต่ออายุการเก็บรักษาได้ นอกจากนี้ การแบ่งสัดส่วนยังช่วยให้การจัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นอีกด้วย
ประเภทอาหาร | สัดส่วนที่แนะนำต่อการบริโภค | หมายเหตุ |
---|---|---|
ธัญพืช (ข้าว, ควินัว) | 1 ถ้วยตวง | สำหรับ 2-3 ที่ |
ถั่วต่างๆ | 1/2 ถ้วยตวง | สำหรับ 1-2 ที่ |
เส้นพาสต้า/เส้นก๋วยเตี๋ยว | 100 กรัม | สำหรับ 1-2 ที่ |
ผงปรุงรส/เครื่องเทศ | 1-2 ช้อนโต๊ะ | ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น |
การเตรียมวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ไม่ใช่แค่การทำความสะอาด แต่รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพ การกำจัดความชื้น และการแบ่งสัดส่วนที่เหมาะสม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จในการซีลอาหารแห้งให้เก็บได้นานเป็นปี
ประเภทของอาหารแห้งที่เหมาะกับการซีลสูญญากาศ
การซีลสูญญากาศเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการยืดอายุอาหารแห้งหลายชนิด เพราะช่วยป้องกันอากาศ ความชื้น และแมลงไม่ให้เข้าไปทำลายอาหารได้ ลองมาดูกันว่ามีอาหารประเภทไหนบ้างที่เหมาะกับการซีลแบบนี้
ธัญพืชและพืชตระกูลถั่ว
ข้าวสาร ข้าวกล้อง ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวโอ๊ต ควินัว รวมถึงพืชตระกูลถั่วแห้ง เช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วเหลือง เมื่อซีลสูญญากาศแล้ว จะช่วยป้องกันไม่ให้แมลงหรือสัตว์ฟันแทะเข้าไปทำลายได้ดีมาก ทำให้เก็บไว้ได้นานขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับการเก็บในภาชนะทั่วไป
ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่และขนมอบ
ขนมปังกรอบ คุกกี้ แครกเกอร์ หรือแม้แต่เส้นพาสต้าแห้ง เมื่อซีลสูญญากาศ จะช่วยรักษาความกรอบและป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นอับชื้นได้ดีเยี่ยม ทำให้ขนมเหล่านี้คงคุณภาพได้นานกว่าเดิมหลายสัปดาห์ หรือเป็นเดือนเลยทีเดียว
ชา กาแฟ และสมุนไพร
สำหรับคอกาแฟ หรือคนที่ชอบดื่มชาสมุนไพร การซีลสูญญากาศจะช่วยรักษากลิ่นหอมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของวัตถุดิบเหล่านี้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะช่วยป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกเข้าไปทำลายสารประกอบที่ให้กลิ่นและรสชาติ ทำให้เราสามารถชงเครื่องดื่มที่หอมกรุ่นได้เหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่ๆ
อาหารประเภทผง
ผงโกโก้ ผงกาแฟสำเร็จรูป ผงปรุงรส หรือแม้แต่แป้งต่างๆ เมื่อซีลสูญญากาศ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนจากความชื้น และยังช่วยป้องกันกลิ่นจากภายนอกไม่ให้ปะปนเข้ามาได้ ทำให้ผงเหล่านี้ยังคงคุณภาพดีและใช้งานได้สะดวก
เทคนิคการซีลอาหารแห้งด้วยเครื่องซีลสูญญากาศ

การเลือกเครื่องซีลและถุงซีลที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมากในการถนอมอาหารแห้งให้ได้คุณภาพดีที่สุด เครื่องซีลสูญญากาศมีหลายประเภท แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป สำหรับการใช้งานในครัวเรือนทั่วไป เครื่องซีลแบบดูดภายนอก (External Vacuum Sealer) ที่ใช้กับถุงซีลแบบมีลายหรือแบบเรียบก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าต้องซีลปริมาณมาก หรือต้องการความทนทานเป็นพิเศษ อาจต้องพิจารณาเครื่องซีลแบบห้องสุญญากาศ (Vacuum Chamber Sealer) ซึ่งมีราคาสูงกว่า แต่ซีลได้แน่นหนาและเหมาะกับอาหารเหลวหรือผงมากกว่า
- การเลือกถุงซีล: ถุงซีลสุญญากาศมีทั้งแบบลายและแบบเรียบ แบบลายมักมีราคาสูงกว่า แต่ทนความร้อนได้ดี เหมาะกับการทำอาหารแบบซูวี (Sous vide) ส่วนแบบเรียบจะประหยัดกว่า เหมาะกับการซีลทั่วไป ควรเลือกถุงที่มีความหนาและเหนียว เพื่อป้องกันการรั่วซึม
- การตั้งค่าเครื่องซีล: เครื่องซีลส่วนใหญ่จะมีโหมดการทำงานให้เลือก ควรศึกษาคู่มือของเครื่องให้ละเอียด การตั้งค่าที่เหมาะสมจะช่วยให้การซีลมีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับอาหารแห้งทั่วไป การตั้งค่ามาตรฐานก็มักจะเพียงพอ แต่หากเป็นอาหารที่บอบบาง เช่น ขนมกรุบกรอบ ควรเลือกใช้โหมด Gentle หรือการดูดอากาศแบบนุ่มนวล เพื่อป้องกันไม่ให้อาหารแตกหักเสียหาย
- การตรวจสอบความแน่นหนา: หลังจากการซีลทุกครั้ง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าถุงซีลปิดสนิท ไม่มีรอยรั่วซึม การซีลที่ไม่แน่นหนาอาจทำให้อากาศกลับเข้าไป ส่งผลให้อาหารเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากพบรอยรั่ว ควรทำการซีลใหม่ทันที
การซีลอาหารแห้งด้วยเครื่องซีลสูญญากาศอย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ และรักษาคุณภาพ รสชาติ รวมถึงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไว้ได้นานหลายเท่าตัว
การทำความเข้าใจใน วิธีใช้เครื่องซีลสูญญากาศ และการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถถนอมอาหารแห้งได้อย่างมั่นใจ และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ระยะเวลาการเก็บรักษาอาหารแห้งหลังการซีล

หลังจากที่เราซีลอาหารแห้งด้วยเครื่องซีลสูญญากาศแล้ว อายุการเก็บรักษาก็จะยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ การซีลจะช่วยป้องกันอากาศ ความชื้น และสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ที่อาจทำให้อาหารเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น ทำให้เราสามารถเก็บอาหารไว้ทานได้นานขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
เปรียบเทียบอายุการเก็บรักษาก่อนและหลังซีล
การเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆ จะช่วยให้เราเข้าใจถึงประโยชน์ของการซีลสูญญากาศได้ดียิ่งขึ้นค่ะ ลองดูตารางเปรียบเทียบง่ายๆ นี้:
ประเภทอาหาร | สถานที่เก็บ (ไม่ซีล) | สถานที่เก็บ (ซีลสูญญากาศ) |
---|---|---|
พาสต้า | 1-2 ปี | 2-3 ปี |
ข้าวกล้อง | 6 เดือน | 1 ปี |
ซีเรียลพร้อมทาน | 1 ปี | 2 ปี |
แครกเกอร์ | 1-2 สัปดาห์ | 4-8 สัปดาห์ |
อัลมอนด์ | 6 เดือน | 2 ปี |
เมล็ดกาแฟ | 1-3 เดือน / 6-8 เดือน (แช่แข็ง) | 1 ปี / 2-3 ปี (แช่แข็ง) |
แป้ง | 5-6 เดือน | 1-2 ปี |
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาการเก็บรักษา
แม้ว่าการซีลสูญญากาศจะช่วยยืดอายุอาหารได้มาก แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อระยะเวลาการเก็บรักษาอยู่เหมือนกันนะคะ เช่น:
- คุณภาพของวัตถุดิบตั้งต้น: อาหารที่สดใหม่และมีคุณภาพดีตั้งแต่แรก จะเก็บได้นานกว่าอาหารที่เริ่มมีสภาพไม่สมบูรณ์แล้ว
- ความสะอาด: การรักษาความสะอาดของอุปกรณ์และสถานที่ที่ใช้ในการซีลและจัดเก็บเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์
- อุณหภูมิในการจัดเก็บ: แม้จะซีลแล้ว การเก็บในที่เย็นและแห้ง จะช่วยยืดอายุอาหารได้ดีกว่าการเก็บในที่ร้อนหรือชื้น
- ความสมบูรณ์ของการซีล: หากถุงซีลมีการรั่วซึม หรืออากาศเข้าไปได้ อายุการเก็บรักษาก็จะสั้นลงตามไปด้วย
การบันทึกวันที่ซีลเพื่อการจัดการ
เพื่อไม่ให้เราสับสน หรือลืมว่าอาหารแต่ละถุงซีลไปเมื่อไหร่ การบันทึกวันที่ซีลไว้บนถุงเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่งค่ะ อาจจะเขียนด้วยปากกาเคมีที่ลบไม่ออก หรือติดสติกเกอร์เล็กๆ ไว้ก็ได้ การมีข้อมูลวันที่ซีลจะช่วยให้เราจัดการสต็อกอาหารได้ดีขึ้น และเลือกใช้อาหารที่ซีลไว้นานที่สุดก่อน เป็นการป้องกันไม่ให้อาหารเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ค่ะ
การจัดเก็บอาหารแห้งที่ซีลแล้วอย่างถูกวิธี

หลังจากที่เราอุตส่าห์ตั้งใจซีลอาหารแห้งด้วยเครื่องซีลสูญญากาศอย่างดีแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การจัดเก็บอาหารเหล่านั้นให้ถูกวิธี เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารจะยังคงคุณภาพดีและเก็บได้นานตามที่เราคาดหวังไว้ การจัดเก็บที่ดีจะช่วยป้องกันไม่ให้อากาศและความชื้นกลับเข้าไปในบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อาหารเสื่อมสภาพได้
การเลือกสถานที่จัดเก็บที่เหมาะสม
สถานที่จัดเก็บที่ดีที่สุดสำหรับอาหารแห้งที่ซีลแบบสุญญากาศ ควรเป็นที่ที่แห้ง เย็น และมืดสนิท หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีความร้อนสูง เช่น ใกล้เตาอบ หรือบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง เพราะความร้อนและแสงแดดสามารถทำลายคุณภาพของอาหารและทำให้บรรจุภัณฑ์เสื่อมสภาพได้ ตู้เก็บของในครัวที่ห่างจากแหล่งความร้อน หรือตู้เก็บอาหารที่อยู่ในห้องที่ควบคุมอุณหภูมิได้ จะเป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ
การป้องกันแสงแดดและความชื้น
แสงแดดและความชื้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของอาหารแห้งที่ซีลแล้ว แม้ว่าเราจะซีลสุญญากาศอย่างดีแล้วก็ตาม หากวางไว้ในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงเป็นประจำ อาจทำให้อาหารบางชนิด เช่น ธัญพืช หรือชา เกิดการเปลี่ยนสีและกลิ่นได้ ส่วนความชื้นก็อาจแทรกซึมผ่านบรรจุภัณฑ์ที่เสื่อมสภาพได้เช่นกัน ดังนั้น การเลือกใช้กล่องเก็บอาหารที่ปิดมิดชิด หรือการเก็บในตู้ที่ป้องกันแสงและความชื้นได้ จะช่วยยืดอายุอาหารได้อีกทางหนึ่งครับ
การจัดเรียงและหมุนเวียนการใช้งาน
เพื่อความเป็นระเบียบและป้องกันไม่ให้อาหารที่ซีลไว้หมดอายุไปโดยที่เราไม่รู้ตัว ควรมีการจัดเรียงอาหารที่ซีลแล้วให้เป็นหมวดหมู่ และที่สำคัญคือการหมุนเวียนการใช้งานตามหลัก FIFO (First-In, First-Out) หรือ
ประโยชน์ของการซีลอาหารแห้งเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา
การซีลอาหารแห้งด้วยเครื่องซีลสูญญากาศมีประโยชน์หลายอย่างเลยค่ะ นอกจากจะช่วยยืดอายุอาหารให้เก็บได้นานขึ้นแล้ว ยังช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารไว้ได้ดีอีกด้วย ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
การป้องกันแมลงและสิ่งปนเปื้อน
การซีลสูญญากาศจะช่วยปิดผนึกอาหารได้อย่างมิดชิด ทำให้แมลง ฝุ่น หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่สามารถเข้าไปสัมผัสกับอาหารได้เลยค่ะ นี่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการป้องกันการปนเปื้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำให้เรามั่นใจได้ว่าอาหารที่เก็บไว้นั้นสะอาดและปลอดภัยต่อการบริโภค
การคงคุณภาพและรสชาติของอาหาร
เมื่อเราซีลอาหารโดยการดูดอากาศออกไปจนหมด อากาศที่เหลืออยู่น้อยนิดจะช่วยชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อาหารเสื่อมสภาพ สีเปลี่ยน หรือมีกลิ่นหืนได้ค่ะ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการสูญเสียความชื้น ทำให้เนื้อสัมผัสและรสชาติของอาหารยังคงดีอยู่เหมือนเดิม
- ธัญพืชและพืชตระกูลถั่ว: รักษาสภาพให้กรอบ ไม่เหม็นหืน
- ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่: คงความนุ่มและรสชาติ
- ชา กาแฟ: ป้องกันกลิ่นอับและคงความหอม
- อาหารประเภทผง: ป้องกันการจับตัวเป็นก้อน
การลดขยะอาหารและการประหยัดค่าใช้จ่าย
การที่อาหารเก็บได้นานขึ้น หมายความว่าเรามีโอกาสใช้อาหารเหล่านั้นจนหมด แทนที่จะต้องทิ้งไปเพราะเสียก่อน ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะอาหารได้อย่างมากเลยค่ะ นอกจากนี้ การซื้อวัตถุดิบมาตุนไว้แล้วซีลเก็บ ก็ช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อของบ่อยๆ และยังสามารถซื้อวัตถุดิบในช่วงที่มีโปรโมชั่นได้อีกด้วย
การซีลอาหารแห้งไม่เพียงแต่ช่วยรักษาคุณภาพอาหาร แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อความสะดวกสบายและความคุ้มค่าในระยะยาวอีกด้วยค่ะ
คำถามที่พบบ่อย
การซีลอาหารแห้งด้วยเครื่องซีลสูญญากาศ แตกต่างจากการเก็บแบบปกติอย่างไร?
การซีลด้วยเครื่องสูญญากาศจะช่วยไล่อากาศออกจากถุงเก็บอาหาร ทำให้ลดโอกาสที่อาหารจะสัมผัสกับออกซิเจน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อาหารเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การเก็บแบบปกติอาจมีอากาศเข้าไปได้ ทำให้อาหารเสียเร็วและคุณภาพลดลง
อาหารแห้งประเภทไหนบ้างที่เหมาะกับการซีลสูญญากาศ?
อาหารแห้งส่วนใหญ่เหมาะกับการซีลสูญญากาศ เช่น ธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าว, ข้าวโอ๊ต, ถั่วต่างๆ, เส้นพาสต้า, ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เช่น ขนมปัง, คุกกี้, ชา, กาแฟ, สมุนไพรแห้ง และอาหารผงต่างๆ การซีลจะช่วยรักษาความกรอบและกลิ่นหอมของอาหารเหล่านี้ได้ดี
ต้องเลือกเครื่องซีลและถุงซีลแบบไหนให้เหมาะกับอาหารแห้ง?
สำหรับอาหารแห้งทั่วไป เครื่องซีลสูญญากาศแบบครัวเรือนก็เพียงพอแล้วครับ ส่วนถุงซีล ควรเลือกถุงที่มีความหนาพอสมควร และมีความเหนียวทนทาน เพื่อป้องกันการรั่วซึม หากเป็นอาหารที่แตกหักง่าย เช่น ขนมปังกรอบ ควรใช้เครื่องที่มีระบบดูดอากาศแบบนุ่มนวล
หลังจากซีลอาหารแห้งแล้ว สามารถเก็บได้นานแค่ไหน?
ระยะเวลาการเก็บจะนานขึ้นกว่าปกติมากครับ เช่น เส้นพาสต้า หรือข้าว อาจเก็บได้นานถึง 1-2 ปี ในขณะที่ขนมกรุบกรอบอาจเก็บได้นาน 4-8 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารและสภาพการเก็บรักษาด้วย
มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการซีลอาหารแห้ง?
ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาหารแห้งนั้นแห้งสนิทจริงๆ ก่อนทำการซีล เพราะความชื้นที่หลงเหลืออยู่ อาจทำให้อาหารเสียได้ และควรซีลให้แน่นหนาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไล่อากาศออกให้หมด และควรเขียนวันที่ซีลไว้บนถุงเพื่อช่วยในการจัดการ
การซีลอาหารแห้งมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
การซีลช่วยป้องกันแมลง ฝุ่น และสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ได้ดีมาก ทำให้อาหารสะอาด ปลอดภัย และยังช่วยคงคุณภาพ รสชาติ และความสดใหม่ของอาหารไว้ได้นานขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดขยะอาหารและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย